“ย่ำขาง” การนวดทางเลือก แก้ปวดเมื่อยฉบับล้านนา
ย่ำขาง
คือ การรักษาอาการปวด เป็นการรักษาโรคด้วยภูมิปัญญาพื้นบ้านแบบล้านนา การย่ำขางมีมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย
เป็นการนวดรักษาอาการปวดตามร่างกายแบบล้านนาโบราณโดยใช้เท้า ความร้อนและสมุนไพร
ขาง
คือ
เหล็กหล่อชนิดหนึ่งมีลักษณะเป็นโลหะเหล็กผสมพลวงที่นำไปหล่อเป็นใบผาลไถที่ใช้สำหรับไถนา
ขนาดประมาณ 8 x 6 นิ้ว ปลายแหลม
ภาษาถิ่นล้านนาเรียกว่า ใบข่าง เชื่อกันว่า ข่าง
มีความศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไถนาปลูกข้าวเลี้ยงคนไทยทั่วทุกภาค
ทั้งมีคุณสมบัติไม่เป็นสนิมง่ายและในตัวข่างมีแร่ธาตุบางชนิดที่เชื่อว่าเป็นตัวยาสามารถใช้รักษาโรคได้
ข้อห้ามสำหรับการย่ำขาง ห้ามใช้รักษาผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์
ผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน ผู้ป่วยที่เพิ่งผ่าตัดมาใหม่
ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคมะเร็ง
(เพราะความร้อนจะทำให้มะเร็งกระจายตัวเร็วขึ้น) โรคปอด โรคหืด และผู้ป่วยที่มีไข้ขึ้นสูง
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโดยวิธีย่ำขางจะต้องยึดถือข้อห้ามตามที่หมอย่ำขางบอกกล่าว เพื่อให้อาการเจ็บป่วยหายเร็วขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินที่หมอย่ำขางเชื่อว่าเป็นของแสลง
ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดและจะกลับมาเป็นซ้ำอีก ได้แก่
หน่อไม้ ผักชะอม บอน ทุเรียน ไข่ เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อควาย ปลาไหล ของหมักดอง
อาหารทะเล หอย ปลาไม่มีเกล็ด และกบ
อุปกรณ์ มีดังนี้
ขันตั้ง
1. หมาก 1 หัว
2. พลู 1 มัด
3. เทียนเล่มน้อย 8 คู่
4. เทียมเล่มบาท 1 เล่ม
5. เทียนเล่มเฟื้อง 1 เล่ม
6. เงินจำนวน 72 บาท 25 สตางค์ (ค่าขันตั้ง อาจจะแตกต่างกันไปในหมอเมืองแต่ละคน)
7. ดอกไม้ขาว 8 ดอก
8. เหล้า 1 ขวด
1. หมาก 1 หัว
2. พลู 1 มัด
3. เทียนเล่มน้อย 8 คู่
4. เทียมเล่มบาท 1 เล่ม
5. เทียนเล่มเฟื้อง 1 เล่ม
6. เงินจำนวน 72 บาท 25 สตางค์ (ค่าขันตั้ง อาจจะแตกต่างกันไปในหมอเมืองแต่ละคน)
7. ดอกไม้ขาว 8 ดอก
8. เหล้า 1 ขวด
อุปกรณ์
ขาง เตาอังโล่ ขันใส่น้ำปูเลย (เป่าคาถาใส่) สาด (เสื่อ) เหล้า หรือน้ำมันงา
ขาง เตาอังโล่ ขันใส่น้ำปูเลย (เป่าคาถาใส่) สาด (เสื่อ) เหล้า หรือน้ำมันงา
วิธีการรักษา
ผู้ป่วยจะนอนบนเสื่อ
หลังจากนั้น หมอเมืองจะยกขันครู หมอจะใช้เท้าชุบน้ำยา
คือ สมุนไพรปูเลย หรือที่ภาคกลางเรียกว่า ไพล นำมาบดแล้วผสมกับน้ำในสัดส่วนที่เหมาะสม
และน้ำมันงา แล้วย่ำบนข่างที่เผาไฟร้อนจนเป็นสีแดง จากนั้นจึงย่ำบนร่างกายของผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวด
กดด้วยความร้อนใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 นาที หรือแล้วแต่อาการของโรค”
แต่การเหยียบไม่ใช่ เหยียบไปเรื่อยๆ แต่ต้องเหยียบโดยการใช้ปลายเท้าและส้นเท้าสลับกัน ขึ้นอยู่กับว่าส่วนไหนควรจะใช้น้ำหนักมากหรือน้อย เช่น ถ้าเป็นส่วนของฝ่าเท้าที่มีอาการเส้นยืดจะใช้นิ้วโป่งเท้ากดเส้นค้างไว้และปล่อยทำเช่นนี้สลับกันไป แต่ถ้าเป็นบริเวณขา ต้นขาสามารถใช้ทั้งส้นเท้าและนิ้วเท้าได้ โดยจะสามารถรักษาอาการปวดได้หลายโรค เช่น อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดเอ็น ปวดข้อ ปวดกระดูกซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของธาตุ อาการชาที่มักเกิดที่มือ เท้า แขน ขา เอว ซึ่งเกิดจากเลือดลมในร่างกายไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เส้นเลือดตีบ รวมไปถึงอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งต้องใช้เวลานานในการรักษาตั้งแต่ 20 นาที ไปจนถึง 3 ชั่วโมง และต้องรักษาเป็นประจำ ได้รับความสนใจจากคนในชุมชนเป็นอย่างดี
แต่การเหยียบไม่ใช่ เหยียบไปเรื่อยๆ แต่ต้องเหยียบโดยการใช้ปลายเท้าและส้นเท้าสลับกัน ขึ้นอยู่กับว่าส่วนไหนควรจะใช้น้ำหนักมากหรือน้อย เช่น ถ้าเป็นส่วนของฝ่าเท้าที่มีอาการเส้นยืดจะใช้นิ้วโป่งเท้ากดเส้นค้างไว้และปล่อยทำเช่นนี้สลับกันไป แต่ถ้าเป็นบริเวณขา ต้นขาสามารถใช้ทั้งส้นเท้าและนิ้วเท้าได้ โดยจะสามารถรักษาอาการปวดได้หลายโรค เช่น อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดเอ็น ปวดข้อ ปวดกระดูกซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของธาตุ อาการชาที่มักเกิดที่มือ เท้า แขน ขา เอว ซึ่งเกิดจากเลือดลมในร่างกายไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เส้นเลือดตีบ รวมไปถึงอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งต้องใช้เวลานานในการรักษาตั้งแต่ 20 นาที ไปจนถึง 3 ชั่วโมง และต้องรักษาเป็นประจำ ได้รับความสนใจจากคนในชุมชนเป็นอย่างดี
ในอดีตการใช้ขางรักษาโรคมีหลายวิธี
ดังนี้
๑.
ย่ำขาง คือ
การเอาเท้าชุบน้ำยา (น้ำไพลและน้ำมันงา) แล้วไปย่ำหรือวางบนขางที่เผาจนร้อนแดงแล้วไปย่ำบริเวณร่างกายผู้ป่วยตรงที่มีอาการเจ็บปวด
การรักษาด้วยวิธีนี้ยังมีอยู่ในปัจจุบัน
๒.
ปึ๊ขาง คือการเป่าหรือพ่นน้ำยา
(น้ำไพลและน้ำมันงา) ลงบนขางที่เผาจนร้อนแดง
ทำให้ไอน้ำพุ่งไปปะทะกับร่างกายผู้ป่วยบริเวณที่มีอาการเจ็บปวดซึ่งอังไว้เหนือขาง
๓.
เผาขางสู่ คือ
การเอาใบขางเผาไฟให้ร้อนแดงแล้วจุ่มลงในขันน้ำสมุนไพรให้ผู้ป่วย
ดื่มกิน
๔.
จู้ขาง คือการเอาห่อยาสมุนไพรชุบน้ำยา(น้ำไพลหรือน้ำมันงา)
มาวางบนขางแล้วเอาไปประคบ (จู้) บริเวณร่างกายผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวด
กลุ่มอาการหรือโรคที่สามารถบำบัดรักษาด้วยวิธีการย่ำขาง ได้แก่
๑.
กลุ่มอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดเอ็น
ปวดข้อ ปวดกระดูกซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากความไม่สมดุลของธาตุหรือจากสิ่งที่มีอำนาจที่ไม่สามารถมองเห็นได้
เรียกว่า โป่ง ทำให้มีอาการ
ปวดบวม
เป็นก้อน หรือมีสาเหตุมาจากสิ่งที่เกิดแต่น้ำ
เรียกว่า ยำ ทำให้มีการปวด คัน ผิวหนังแดง ร้อน และมีตุ่มพุพอง
นอกจากนั้นบางโรคยังมีสาเหตุมาจากการกระทำผิดต่อผีปู่ย่า
(ผีบรรพบุรุษ) ผีเจ้าที่ หรือถูกคุณไสยอีกด้วย
๒. กลุ่มอาการชาที่มักเกิดที่มือ
เท้า แขน ขา
เอว หมอย่ำขางเชื่อว่า
เกิดจากเลือดลมในร่างกายไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เส้นเลือดตีบ วิธีรักษาด้วยการย่ำขางสามารถขยายเส้นเลือดและรักษาได้
๓.
กลุ่มอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต
เชื่อกันว่า เป็นอาการที่สืบเนื่องมาจากการปวดซึ่งเกิดจากธาตุลมเข้าแทรก
ทำให้เส้นเอ็นตึงแข็ง หากปล่อยไว้นานจะทำให้เสียเส้นเอ็นกลายเป็นอัมพฤกษ์ ถ้าปล่อยไว้นานเกินไปเส้นเอ็นจะสูญเสียศักยภาพแบบถาวรกลายเป็นอัมพาต
ทำให้ต้องใช้เวลายาวนานในการรักษาจึงจะทุเลาเบาบาง
หรือบางรายอาจจะไม่สามารถรักษาให้หายได้
“ คนในชุมชนสนใจ เพราะนอกจากจะไม่ต้องใช้สารเคมี ไม่ต้องกินยาแล้ว ยังประหยัดค่ารักษาด้วย แต่ที่นี่มีหมอเมืองแค่คนเดียว วันหนึ่งนวดได้แค่ 2-3 คนเท่านั้น แต่จะมาให้บริการทุกวัน ที่ศูนย์บริการสุขภาพบ้านไร่กองขิง ” หมอเมืองย้ำ
นอกจากย่ำข่างจะช่วยฟื้นสุขภาพของคนในชุมชนแข็งแรงและปราศจากการใช้สารเคมีแล้ว ยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์คนในชุมชนอีกทั้งยังส่งผลให้ชาวบ้านสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งนับว่าเป็นภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสืบทอดต่อไป